
การวางแผนงานสอบบัญชี
>>> การกำหนดขอบเขตของการปฏิบัติงาน วิธีการ(หรือลักษณะ)และเวลาที่จะใช้ในการตรวจสอบ เพื่อรวบรวมหลักฐานการสอบบัญชีอย่างเพียงพอและเหมาะสม ทั้งนี้ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์การตรวจสอบได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
เริ่มจาก 1. กำหนดวัตถุประสงค์ เพื่อที่จะออก Report
2. แผนกลยุทธ์ เป็นแผนที่จะนำไปใช้ในการปฏิบัติงาน ซึ่งมีตัวแบบกำหนด 3 ตัวแบบได้แก่
2.1 ลักษณะ คือลักษณะที่ใช้ในการตรวจสอบ แบ่งออกเป็น
• Interim Audit (การตรวจสอบระหว่างปี) กล่าวคือ งบยังไม่เสร็จ จึงเป็นการตรวจสอบได้ เฉพาะระบบควบคุมภายใน (Test of Control) ซึ่งจะสนใจในเรื่องของการดำเนินงานเป็นหลัก
• Year and Audit (การตรวจสอบสิ้นปี) สามารถตรวจสอบงบการเงินได้ ซึ่งการตรวจสอบจะสนใจเนื้อหาสาระเป็นหลัก (Substantive Test)
2.2 ระยะเวลา
• Interim Audit - ไม่เกิน 31 ธ.ค.
• Year and Audit - ไม่เกินวันที่ยื่นงบการเงิน
2.3 ขอบเขต เป็นการสุ่มตัวอย่าง ว่าจะต้องสุ่มตัวอย่างเท่าไหร่ถึงจะเพียงพอที่จะทำให้เกิดความมั่นใจ ความเชื่อมั่นได้
• ขนาดตัวอย่างจะขึ้นอยู่กับความเสี่ยง
- ถ้าบริษัทมีความเสี่ยงมากจะมีการตรวจสอบเยอะ
- ถ้าบริษัทมีความเสี่ยงน้อยจะมีการตรวจสอบลดลง
3. ปฎิบัติงาน
ขั้นตอนของการวางแผนงานตรวจสอบบัญชี
การวางแผนการสอบบัญชีประกอบด้วย7ขั้นตอนดังต่อไปนี้
1.การพิจารณารับงานสอบบัญชี
2.การรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจที่ตรวจสอบ
3.การวิเคราะห์เปรียบเทียบในเบื้องต้น
4.การกำหนดระดับความมีสาระสำคัญ
5.การประเมินความเสี่ยงในการสอบบัญชีที่ยอมรับได้และความเสี่ยงสืบเนื่อง
6.การทำความเข้าใจในระบบการควบคุมภายในและการประเมินความเสี่ยงจากการควบคุม
7.การพัฒนาแผนการสอบบัญชีโดยรวมและแนวการสอบบัญชี
การวางแผนงานสอบบัญชีเบื้องต้น มีงานใน 4 ขั้นตอนดังนี้
1. พิจารณารับงานสอบบัญชี เนื่องจากการรับงานตรวจสอบมีความเสี่ยง จึงต้องพิจารณารับงาน ซึ่งจะพิจารณาได้จาก
- ผู้บริหาร ถ้าผู้บริหารของบริษัทมีความกล้าได้กล้าเสีย ก็จะทำให้บริษัทมีความเสี่ยง สูง- Product ของบริษัท เช่น เพชร พลอย มีความเสี่ยงในเรื่องราคา ความปลอดภัยComputer มีความเสี่ยงในเรื่องของความทันสมัย
- ตรวจสอบและสอบถามผู้สอบบัญชีรายเดิม เพื่อให้ทราบเหตุผลว่าทำไมบริษัทถึงไม่จ้างผู้ตรวจสอบรายเดิมต่อ ซึ่งวิธีการตรวจสอบเหตุผลจะเริ่มจากให้เราส่งจดหมายไปสอบถามผู้ตรวจสอบบัญชีรายเดิมของบริษัท ว่าเขามีเหตุผลอะไรหรือไม่บริษัทถึงไม่จ้างเขาเป็นผู้ตรวจสอบต่อ ถ้ามีให้เราแจ้งไปทางบริษัท เพื่อที่จะให้บริษัทส่งจดหมายไปยังผู้ตรวจสอบรายเดิม ว่าบริษัทอนุญาตให้ผู้ตรวจสอบรายเดิมบอกเหตุผลกับเราได้
ลูกค้ามีอยู่ 2 แบบ คือ
1. ลูกค้าที่เคยเป็นลูกค้าของผู้ตรวจสอบบัญชีรายอื่นมาก่อน
2. ลูกค้าที่ยังไม่เคยเป็นลูกค้าของผู้ตรวจสอบบัญชีรายอื่นมาก่อนเลย
เมื่อเราพิจารณารับงานแล้วให้เราส่งจดหมายตอบรับงานไปยังบริษัทที่เรารับงาน Engagement Letter (จดหมายตอบรับงาน) ประกอบไปด้วย ลักษณะ ระยะเวลา รวมทั้ง ค่าบริการด้วย ซึ่งแต่ละที่อาจจะไม่เหมือนกัน (ไม่มีรูปแบบที่แน่นอน)
2. รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจที่ตรวจสอบ เพื่อใช้ในการดูความเสี่ยงของบริษัท ในการรวบรวมข้อมูลจะต้องมีการตรวจเยี่ยมสถานประกอบการ (Plant Tour) และในขณะที่เรา ตรวจเยี่ยมสถานประกอบการ สิ่งที่เราควรจะทำ คือ- ต้องมีความสงสัยเยี่ยงผู้ประกอบการ และมีการจดบันทึกข้อมูล- สัมภาษณ์ผู้บริหาร- มีการสอบถาม พูดคุยกับพนักงาน แม่บ้าน รปภ.- ขอดูสมุดบัญชี ข้มูลงบการเงินของบริษัท ซึ่งเราจะนำมาวิเคราะห์แนวโน้มทางการเงินของบริษัท- ดูคลังสินค้า- ควรมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี เพราะถ้าเรามีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีมากเท่าไหร่ เราก็จะได้ข้อมูลของทางบริษัทมาก
3. วิเคราะห์เปรียบเทียบในเบื้องต้น เป็นการวิเคราะห์ยอดความเสี่ยงในบัญชีในเรื่องของ สภาพคล่อง สินค้าคงเหลือ หนี้สิน
4. กำหนดระดับความมีสาระสำคัญ สาระสำคัญ (Materiality)พิจารณาจาก
- ดูขนาดของกิจการ เช่น การเปรียบเทียบระหว่างแม่ค้าขายผักบุ้งกับแมคโคร
- ดุลยพินิจของแต่ละคน
>>> การกำหนดขอบเขตของการปฏิบัติงาน วิธีการ(หรือลักษณะ)และเวลาที่จะใช้ในการตรวจสอบ เพื่อรวบรวมหลักฐานการสอบบัญชีอย่างเพียงพอและเหมาะสม ทั้งนี้ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์การตรวจสอบได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
เริ่มจาก 1. กำหนดวัตถุประสงค์ เพื่อที่จะออก Report
2. แผนกลยุทธ์ เป็นแผนที่จะนำไปใช้ในการปฏิบัติงาน ซึ่งมีตัวแบบกำหนด 3 ตัวแบบได้แก่
2.1 ลักษณะ คือลักษณะที่ใช้ในการตรวจสอบ แบ่งออกเป็น
• Interim Audit (การตรวจสอบระหว่างปี) กล่าวคือ งบยังไม่เสร็จ จึงเป็นการตรวจสอบได้ เฉพาะระบบควบคุมภายใน (Test of Control) ซึ่งจะสนใจในเรื่องของการดำเนินงานเป็นหลัก
• Year and Audit (การตรวจสอบสิ้นปี) สามารถตรวจสอบงบการเงินได้ ซึ่งการตรวจสอบจะสนใจเนื้อหาสาระเป็นหลัก (Substantive Test)
2.2 ระยะเวลา
• Interim Audit - ไม่เกิน 31 ธ.ค.
• Year and Audit - ไม่เกินวันที่ยื่นงบการเงิน
2.3 ขอบเขต เป็นการสุ่มตัวอย่าง ว่าจะต้องสุ่มตัวอย่างเท่าไหร่ถึงจะเพียงพอที่จะทำให้เกิดความมั่นใจ ความเชื่อมั่นได้
• ขนาดตัวอย่างจะขึ้นอยู่กับความเสี่ยง
- ถ้าบริษัทมีความเสี่ยงมากจะมีการตรวจสอบเยอะ
- ถ้าบริษัทมีความเสี่ยงน้อยจะมีการตรวจสอบลดลง
3. ปฎิบัติงาน
ขั้นตอนของการวางแผนงานตรวจสอบบัญชี
การวางแผนการสอบบัญชีประกอบด้วย7ขั้นตอนดังต่อไปนี้
1.การพิจารณารับงานสอบบัญชี
2.การรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจที่ตรวจสอบ
3.การวิเคราะห์เปรียบเทียบในเบื้องต้น
4.การกำหนดระดับความมีสาระสำคัญ
5.การประเมินความเสี่ยงในการสอบบัญชีที่ยอมรับได้และความเสี่ยงสืบเนื่อง
6.การทำความเข้าใจในระบบการควบคุมภายในและการประเมินความเสี่ยงจากการควบคุม
7.การพัฒนาแผนการสอบบัญชีโดยรวมและแนวการสอบบัญชี
การวางแผนงานสอบบัญชีเบื้องต้น มีงานใน 4 ขั้นตอนดังนี้
1. พิจารณารับงานสอบบัญชี เนื่องจากการรับงานตรวจสอบมีความเสี่ยง จึงต้องพิจารณารับงาน ซึ่งจะพิจารณาได้จาก
- ผู้บริหาร ถ้าผู้บริหารของบริษัทมีความกล้าได้กล้าเสีย ก็จะทำให้บริษัทมีความเสี่ยง สูง- Product ของบริษัท เช่น เพชร พลอย มีความเสี่ยงในเรื่องราคา ความปลอดภัยComputer มีความเสี่ยงในเรื่องของความทันสมัย
- ตรวจสอบและสอบถามผู้สอบบัญชีรายเดิม เพื่อให้ทราบเหตุผลว่าทำไมบริษัทถึงไม่จ้างผู้ตรวจสอบรายเดิมต่อ ซึ่งวิธีการตรวจสอบเหตุผลจะเริ่มจากให้เราส่งจดหมายไปสอบถามผู้ตรวจสอบบัญชีรายเดิมของบริษัท ว่าเขามีเหตุผลอะไรหรือไม่บริษัทถึงไม่จ้างเขาเป็นผู้ตรวจสอบต่อ ถ้ามีให้เราแจ้งไปทางบริษัท เพื่อที่จะให้บริษัทส่งจดหมายไปยังผู้ตรวจสอบรายเดิม ว่าบริษัทอนุญาตให้ผู้ตรวจสอบรายเดิมบอกเหตุผลกับเราได้
ลูกค้ามีอยู่ 2 แบบ คือ
1. ลูกค้าที่เคยเป็นลูกค้าของผู้ตรวจสอบบัญชีรายอื่นมาก่อน
2. ลูกค้าที่ยังไม่เคยเป็นลูกค้าของผู้ตรวจสอบบัญชีรายอื่นมาก่อนเลย
เมื่อเราพิจารณารับงานแล้วให้เราส่งจดหมายตอบรับงานไปยังบริษัทที่เรารับงาน Engagement Letter (จดหมายตอบรับงาน) ประกอบไปด้วย ลักษณะ ระยะเวลา รวมทั้ง ค่าบริการด้วย ซึ่งแต่ละที่อาจจะไม่เหมือนกัน (ไม่มีรูปแบบที่แน่นอน)
2. รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจที่ตรวจสอบ เพื่อใช้ในการดูความเสี่ยงของบริษัท ในการรวบรวมข้อมูลจะต้องมีการตรวจเยี่ยมสถานประกอบการ (Plant Tour) และในขณะที่เรา ตรวจเยี่ยมสถานประกอบการ สิ่งที่เราควรจะทำ คือ- ต้องมีความสงสัยเยี่ยงผู้ประกอบการ และมีการจดบันทึกข้อมูล- สัมภาษณ์ผู้บริหาร- มีการสอบถาม พูดคุยกับพนักงาน แม่บ้าน รปภ.- ขอดูสมุดบัญชี ข้มูลงบการเงินของบริษัท ซึ่งเราจะนำมาวิเคราะห์แนวโน้มทางการเงินของบริษัท- ดูคลังสินค้า- ควรมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี เพราะถ้าเรามีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีมากเท่าไหร่ เราก็จะได้ข้อมูลของทางบริษัทมาก
3. วิเคราะห์เปรียบเทียบในเบื้องต้น เป็นการวิเคราะห์ยอดความเสี่ยงในบัญชีในเรื่องของ สภาพคล่อง สินค้าคงเหลือ หนี้สิน
4. กำหนดระดับความมีสาระสำคัญ สาระสำคัญ (Materiality)พิจารณาจาก
- ดูขนาดของกิจการ เช่น การเปรียบเทียบระหว่างแม่ค้าขายผักบุ้งกับแมคโคร
- ดุลยพินิจของแต่ละคน

ตรวจเช็คคำผิดด้วยนะครับ อีกอย่างสีหัวข้อบางหัวข้อมันไม่ชัดนะครับ
ตอบลบแต่โดยภาพรวมแล้วสรุปได้ค่อนข้างดีครับ