วันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

กระดาษทำการ Working Paper


กระดาษทำการ (Working Paper)
- เป็นข้อมูลหรือเอกสารที่ใช้บันทึกหลักฐานการสอบบัญชีเพื่อนำไปแสดงความคิดเห็น (ซึ่งต้องเพียงพอและเหมาะสม)
- เป็นหลักฐานแสดงถึงมาตรฐานการปฏิบัติงาน
- เป็นตัวช่วยในการควบคุมในการปฏิบัติงาน/สอบทานงาน
- เป็นแนวทางในการปฏิบัติงานต่อไป
- เพื่อออก Report

องค์ประกอบ
- หลักฐานการตรวจสอบ (ตรงรายการใด,หลักฐานอะไร,ด้วยวิธีไหน)
- ลายมือชื่อผู้จัดทำ/ผู้สอบทาน พร้อมลงวันที่กำกับ
- มีข้อสรุปจากการตรวจสอบ
- มีหัวกระดาษทำการ (งวดไหน,บริษัทอะไร)
- มีดรรชนีกระดาษทำการ
- มีขอบเขตการตรวจสอบ (เนื่องจากบางครั้งตรวจสอบไม่ครบ100%)

<











วันอังคารที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

คาบที่4 : สรุปบทเรียนบทที่3และบทที่6



หลักฐานการสอบบัญชีและการตรวจสอบ

ในการตรวจสอบงบการเงิน ผู้สอบบัญชีจะรวบรวมหลักฐานการสอบบัญชีอย่างเพียงพอ + เหมาะสม เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการสรุปความเห็นในรายงานการสอบบัญชี

หลักฐานการสอบบัญชี : Audit Evidence >>> ข้อมูล /ข้อเท็จจริงที่ผู้สอบบัญชีได้รับหรือรวบรวมจากการใช้วิธีการตรวจสอบตามมาตรฐานการสอบบัญชีที่รับรองทั่วไป เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ใช้สนับสนุนข้อสรุปผลการตรวจสอบ+ใช้ข้อสรุปนั้นเป็นเกณฑ์อย่างเหมาะสมในการแสดงความเห็นของผู้สอบบัญชี

หลักฐานการสอบบัญชี อาจจัดประเภทตามเกณฑ์ต่างๆ ดังนี้

1. เกณฑ์ความเกี่ยวข้องทางการบัญชี

1.1 หลักฐานทางการบัญชี : เกี่ยวกับการบัญชีโดยตรง

~ สมุดบัญชี บันทึกทางการบัญชี = สมุดรายวันทั่วไป ทะเบียนคุมสินทรัพย์

~ เอกสารประกอบรายการบัญชี = ใบสั่งซื้อ ใบสำคัญจ่าย เอกสารประกอบการจ่ายเงิน

1.2 หลักฐานประกอบต่างๆ : ไม่เกี่ยวกับการบัญชีโดยตรง

~ สอบถามจากผู้บริหาร+บุคลากร ~ สัญญาต่างๆ ( เงินกู้ , เช่า )

2. เกณฑ์แหล่งที่มาของหลักฐาน

2.1 หลักฐานภายในกิจการ = กิจการจัดทำขึ้นเอง/บุคคลภายนอกจัดทำขึ้น+กิจการจัดเก็บ

2.2 หลักฐานภายนอกกิจการ=หนังสือตอบยืนยันยอดจากบุคคลภายนอก,การสอบถาม

2.3 หลักฐานที่ได้มาจากการปฏิบัติงานโดยอิสระของผู้สอบบัญชี=ผู้สอบบัญชีดำเนินการเอง

3. เกณฑ์วิธีการรวบรวมข้อมูล

3.1 หลักฐานจากการตรวจ - ตรวจสอบบันทึกทางบัญชี และเอกสารประกอบรายการบัญชี - ตรวจสอบความมีตัวตน

3.2 หลักฐานจากการสังเกตการณ์

3.3 หลักฐานจากการสอบถาม - เป็นลายลักษณ์อักษร - ทางวาจา

3.4 หลักฐานจากการขอคำยืนยันยอด

3.5 หลักฐานจากการคำนวณ - คำนวณโดยอิสระ คือ ลูกค้าไม่เคยทำมาก่อน - คำนวณซ้ำ คือ ลูกค้าคำนวณมาแล้ว เราคำนวณซ้ำ

3.6 หลักฐานจากการวิเคราะห์เปรียบเทียบ

คุณลักษณะที่ดีของหลักฐานการสอบบัญชี

1. ความเพียงพอของหลักฐานการสอบบัญชี จะพิจารณาจากขอบเขตการตรวจสอบ

2. ความเหมาะสมของหลักฐานการสอบบัญชี จะพิจารณาจากลักษณะของหลักฐานการสอบบัญชี ดังนี้

2.1 ความเกี่ยวพันกับวัตถุประสงค์การตรวจสอบ

2.2เวลาตรวจสอบ

- ได้มาจากงบดุล สุ่มมาจากสิ้นปี

- ได้มาจากงบกำไรขาดทุน สุ่มตัวอย่างรายการที่เกิดขึ้นตลอดทั้งงวดบัญชี

2.3 แหล่งที่มาของหลักฐานการสอบบัญชี

- การปฏิบัติงานโดยอิสระของผู้สอบบัญชี

- หลักฐานจากภายนอกกิจการ

- หลักฐานจากภายในกิจการ

ประเภทของสิ่งที่ผู้บริหารได้ให้การรับรองไว้เกี่ยวกับงบการเงิน

- มีอยู่จริง / เกิดขึ้นจริง

- ครบถ้วน

- กรรมสิทธิ์ / ภาระผูกพัน

- การตีราคา / การวัดมูลค่า

- การแสดงรายการ / การเปิดเผยข้อมูล

ขั้นตอนของการวางแผนงานสอบบัญชี(ต่อ)

(7) การพัฒนาแผนการสอบบัญชีโดยรวมและแนวการสอบบัญชี

แผนการสอบบัญชีโดยรวมและแนวการสอบบัญชี

หลังจากที่ผู้สอบบัญชีได้ทำความเข้าใจในระบบบัญชีและระบบการควบคุมภายใน รวมทั้งการประเมินความเสี่ยงในการสอบบัญชีแล้ว ขั้นตอนสุดท้ายที่ผู้สอบบัญชีจะต้องกระทำ คือ การพัฒนาแผนการสอบบัญชีโดยรวม (Overall Audit Plan) และแนวการสอบบัญชี (Audit Program)


แผนการสอบบัญชีโดยรวม (Overall Audit Plan)

>>>แผนกลยุทธ์ของผู้สอบบัญชี ซึ่งเป็นผลมาจากการประเมินความเสี่ยงจากการควบคุม ร่วมกับความเสี่ยงสืบเนื่อง

>>>ผู้สอบบัญชีจะบันทึกข้อมูลรายละเอียดที่จำเป็นในกระดาษทำการแผนการสอบบัญชีโดยรวม เพื่อเป็นประโยชน์ในการจัดทำแนวการสอบบัญชีต่อไป

ข้อควรพิจารณาในการพัฒนาแผนการสอบบัญชีโดยรวม

1) ขอบเขตของงานสอบบัญชี

2) ความรู้เกี่ยวกับธุรกิจที่ตรวจสอบ

3) ความเข้าใจในระบบบัญชีและระบบการควบคุมภายใน

4) ความเสี่ยงและความมีสาระสำคัญ

5) ลักษณะ ระยะเวลา และขอบเขตของวิธีการปฏิบัติงานสอบบัญชีการประสานงาน การสั่งการ การควบคุม และการสอบทานงาน

แนวการสอบบัญชี ( Audit Program )

>>> กระดาษทำการของผู้สอบบัญชีซึ่งแสดงถึงลักษณะ ระยะเวลา และขอบเขตของการตรวจสอบ ซึ่งสอดคล้องกับผลประเมินความเสี่ยงสืบเนื่องและความเสี่ยงควบคุมการจัดทำแนวการสอบบัญชี : ผู้สอบบัญชีควรคำนึงถึงวิธีการตรวจสอบที่จะใช้ให้เหมาะสมแก่กรณี เช่น

-ถ้าผู้สอบบัญชีต้องการทดสอบความมีตัวตนของลูกค้า>>วิธีเหมาะสม>>การขอคำยืนยันยอดลูกหนี้การค้า

-ถ้าผู้สอบบัญชีต้องการทดสอบว่ายอดขายบันทึกบัญชีไว้ในงวดบัญชีถูกต้องหรือไม่>>วิธีเหมาะสม>>การตรวจตัดยอดขาย

แนวการสอบบัญชีให้ประโยชน์ในการปฏิบัติงานสอบบัญชี คือ

1)ใช้เป็นคำสั่งงานแก่ผู้ช่วยผู้สอบบัญชี

2)ใช้ในการควบคุมและบันทึกการปฏิบัติงานให้เป็นไปอย่างถูกต้อง

แนวการสอบบัญชีควรประกอบด้วยเนื้อหาสาระสำคัญ คือ

1) วัตถุประสงค์การตรวจสอบ

2) ขอบเขตการตรวจสอบ

3) เทคนิคการตรวจสอบที่ใช้

4) เวลาที่ใช้ในการตรวจสอบ

5) ดัชนีกระดาษทำการ

6) ลายมือชื่อผู้ตรวจสอบ + ผู้สอบทานและวันที่ตรวจสอบ+สอบทานเสร็จสิ้น

วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2552

คาบที่3 : สรุปบทเรียนบทที่ 5

ขั้นตอนของการวางแผนงานสอบบัญชี

( ต่อ )

5.การประเมินความเสี่ยงในการสอบบัญชีที่ยอมรับได้และความเสี่ยงสืบเนื่อง

6.การทำความเข้าใจในระบบการควบคุมภายในและการประเมินความเสี่ยงจากการควบคุม


ความเสี่ยงในการสอบบัญชีและการควบคุมภายในความเสี่ยงในการสอบบัญชี

(Audit Risk : AR) »» วามเสี่ยงที่ผู้สอบบัญชีแสดงความเห็นที่ไม่เหมาะสมเมื่องบการเงินแสดงข้อมูลที่ขัดต่อข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญเช่น ผู้สอบบัญชีแสดงความเห็นว่างบการเงินถูกต้องตามที่ควร ทั้งๆที่งบการเงินที่ตรวจสอบมีการแสดงข้อมูลที่ขัดต่อข้อเท็จจริงอย่างเป็นสาระสำคัญ


ความเสี่ยงในการสอบบัญชี ประกอบด้วยความเสี่ยงย่อย 3 ดังนี้


1. ความเสี่ยงสืบเนื่อง ( Inherent Risk : IR )

>> ความเสี่ยงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากความเสี่ยงจะมีติดอยู่ในตัวของสิ่งที่ตรวจสอบเสมอ ซึ่งทำให้หายไปไม่ได้

>> ผู้สอบบัญชีจะใช้ดุลยพินิจเยี่ยงผู้ประกอบวิชาชีพในการประเมินความเสี่ยงสืบเนื่องใน 2 ระดับใหญ่ๆ ดังนี้

(1) ความเสี่ยงสืบเนื่องในระดับของงบการเงิน(Inherent Risk at the Financial Statements Level )>> เป็นความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับผู้บริหารและความล้าสมัยของสินค้า เช่น ถ้าผู้บริหารมีความกล้าได้กล้าเสีย ก็จะมีความเสี่ยงมาก เป็นต้น ซึ่งความเสี่ยงระดับนี้เราสามารถตรวจพบในขั้นตอนการเก็บรวบรวมข้อมูล

(2) ความเสี่ยงสืบเนื่องในระดับของยอดคงเหลือในบัญชีและประเภทรายการ( Inherent Risk at the Account Balance and Class of Transaction Level )>>เป็นความเสี่ยงของบัญชีแต่ละรายการ ซึ่งเราจะพิจารณาความเสี่ยงของบัญชีเงินสด ลูกหนี้ และสินค้าคงเหลือในงบดุล และพิจารณารายได้กับค่าใช้จ่ายในงบกำไรขาดทุน ถ้าบัญชีใดมีความเสี่ยงเชื่อมโยงมาจากระดับงบการเงินให้พิจารณาเป็นกรณีพิเศษ

2. ความเสี่ยงจากการควบคุม ( Control Risk : CR )

>> ความเสี่ยงที่ระบบบัญชีหรือระบบควบคุมภายในไม่สามารถป้องกันได้ กล่าวคือ ถ้ามีความเสี่ยงจากการควบคุมสูง แสดงว่าระบบการควบคุมภายในไม่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากกิจการไม่มีนโยบายหรือแนวทางในการปฏิบัติงาน,ผู้บังคับบัญชาตรวจสอบพิสูจน์แต่ยอดเงินฝากธนาคารที่จัดทำแล้วแต่ไม่เคยสอบทานในรายละเอียดและรายการกระทบยอดว่าจัดทำถูกต้องหรือไม่ ,ผู้จัดการบัญชีให้ความไว้ใจพนักงานคนหนึ่งมากเกินไปจึงให้ทำหน้าที่ทุกอย่างเกี่ยวกับรายงานทางการเงินของกิจการ แต่ถ้ามีความเสี่ยงจากการควบคุมต่ำ แสดงว่า ระบบการควบคุมภายในมีประสิทธิภาพ และขอบเขตของการตรวจสอบก็จะลดลง

3. ความเสี่ยงจากการตรวจสอบ ( Detection Risk : DR )

>> ความเสี่ยงที่วิธีการตรวจสอบเนื้อหาสาระ ซึ่งจะไม่สามารถตรวจพบการแสดงข้อมูลที่ขัดต่อข้อเท็จจริงที่มีอยู่ในยอดคงเหลือของบัญชีหรือประเภทของรายการ โดยเกิดจาก

(1)ความเสี่ยงจากการเลือกตัวอย่าง

(2)วิธีการตรวจสอบที่ใช้ไม่มีประสิทธิภาพ

(3)มีข้อบกพร่องในการปฏิบัติงานตรวจสอบหรือสรุปความเห็นผิดพลาดเกี่ยวกับหลักฐานการสอบบัญชี

ระบบการควบคุมภายใน (Internal Control System)

>> นโยบาย วิธีการปฏิบัติที่กำหนดขึ้น เพื่อให้กิจการบรรลุถึงเป้าหมายและวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ได้สำเร็จ ซึ่งจะทำให้เกิดความมั่นใจเท่าที่จะสามารถทำได้ว่าการดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างมีระเบียบและมีประสิทธิภาพ


องค์ประกอบของการควบคุมภายใน (COSO)

1. สภาพแวดล้อมของการควบคุมภายใน

2. การประเมินความเสี่ยง

3. กิจกรรมการควบคุม

4. สารสนเทศและการสื่อสาร

5. การติดตามผล

**** ผู้สอบบัญชีไม่สามารถขจัดความเสี่ยงในการสอบบัญชีให้หมดไปได้โดยสิ้นเชิง แต่ผู้สอบบัญชีอาจลดความเสี่ยงในการสอบบัญชีลงถึงระดับหนึ่งที่ผู้สอบบัญชีสามารถยอมรับได้ ( Acceptable Audit Risk : AAR ) ซึ่งทำได้โดยการวางแผนการตรวจสอบที่มีประสิทธิผล การควบคุมคุณภาพงานสอบบัญชีในแต่ละงาน รวมถึงการให้คำปรึกษาแก่ผู้ช่วยผู้สอบบัญชี และสอบทานงานสอบบัญชีอย่างระมัดระวังรอบคอบ

•••ความเสี่ยงในการสอบบัญชี•••


วันเสาร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2552

คาบที่ 2 : สรุปบทเรียน


การวางแผนงานสอบบัญชี

>>> การกำหนดขอบเขตของการปฏิบัติงาน วิธีการ(หรือลักษณะ)และเวลาที่จะใช้ในการตรวจสอบ เพื่อรวบรวมหลักฐานการสอบบัญชีอย่างเพียงพอและเหมาะสม ทั้งนี้ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์การตรวจสอบได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล

เริ่มจาก 1. กำหนดวัตถุประสงค์ เพื่อที่จะออก Report
2. แผนกลยุทธ์ เป็นแผนที่จะนำไปใช้ในการปฏิบัติงาน ซึ่งมีตัวแบบกำหนด 3 ตัวแบบได้แก่

2.1 ลักษณะ คือลักษณะที่ใช้ในการตรวจสอบ แบ่งออกเป็น
Interim Audit (การตรวจสอบระหว่างปี) กล่าวคือ งบยังไม่เสร็จ จึงเป็นการตรวจสอบได้ เฉพาะระบบควบคุมภายใน (Test of Control) ซึ่งจะสนใจในเรื่องของการดำเนินงานเป็นหลัก
Year and Audit (การตรวจสอบสิ้นปี) สามารถตรวจสอบงบการเงินได้ ซึ่งการตรวจสอบจะสนใจเนื้อหาสาระเป็นหลัก (Substantive Test)
2.2 ระยะเวลา
Interim Audit - ไม่เกิน 31 ธ.ค.
Year and Audit - ไม่เกินวันที่ยื่นงบการเงิน
2.3 ขอบเขต เป็นการสุ่มตัวอย่าง ว่าจะต้องสุ่มตัวอย่างเท่าไหร่ถึงจะเพียงพอที่จะทำให้เกิดความมั่นใจ ความเชื่อมั่นได้
• ขนาดตัวอย่างจะขึ้นอยู่กับความเสี่ยง
- ถ้าบริษัทมีความเสี่ยงมากจะมีการตรวจสอบเยอะ
- ถ้าบริษัทมีความเสี่ยงน้อยจะมีการตรวจสอบลดลง
3. ปฎิบัติงาน


ขั้นตอนของการวางแผนงานตรวจสอบบัญชี
การวางแผนการสอบบัญชีประกอบด้วย7ขั้นตอนดังต่อไปนี้
1.การพิจารณารับงานสอบบัญชี
2.การรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจที่ตรวจสอบ
3.การวิเคราะห์เปรียบเทียบในเบื้องต้น
4.การกำหนดระดับความมีสาระสำคัญ
5.การประเมินความเสี่ยงในการสอบบัญชีที่ยอมรับได้และความเสี่ยงสืบเนื่อง
6.การทำความเข้าใจในระบบการควบคุมภายในและการประเมินความเสี่ยงจากการควบคุม
7.การพัฒนาแผนการสอบบัญชีโดยรวมและแนวการสอบบัญชี

การวางแผนงานสอบบัญชีเบื้องต้น มีงานใน 4 ขั้นตอนดังนี้

1. พิจารณารับงานสอบบัญชี เนื่องจากการรับงานตรวจสอบมีความเสี่ยง จึงต้องพิจารณารับงาน ซึ่งจะพิจารณาได้จาก
- ผู้บริหาร ถ้าผู้บริหารของบริษัทมีความกล้าได้กล้าเสีย ก็จะทำให้บริษัทมีความเสี่ยง สูง- Product ของบริษัท เช่น เพชร พลอย มีความเสี่ยงในเรื่องราคา ความปลอดภัยComputer มีความเสี่ยงในเรื่องของความทันสมัย
- ตรวจสอบและสอบถามผู้สอบบัญชีรายเดิม เพื่อให้ทราบเหตุผลว่าทำไมบริษัทถึงไม่จ้างผู้ตรวจสอบรายเดิมต่อ ซึ่งวิธีการตรวจสอบเหตุผลจะเริ่มจากให้เราส่งจดหมายไปสอบถามผู้ตรวจสอบบัญชีรายเดิมของบริษัท ว่าเขามีเหตุผลอะไรหรือไม่บริษัทถึงไม่จ้างเขาเป็นผู้ตรวจสอบต่อ ถ้ามีให้เราแจ้งไปทางบริษัท เพื่อที่จะให้บริษัทส่งจดหมายไปยังผู้ตรวจสอบรายเดิม ว่าบริษัทอนุญาตให้ผู้ตรวจสอบรายเดิมบอกเหตุผลกับเราได้
ลูกค้ามีอยู่ 2 แบบ คือ

1. ลูกค้าที่เคยเป็นลูกค้าของผู้ตรวจสอบบัญชีรายอื่นมาก่อน
2. ลูกค้าที่ยังไม่เคยเป็นลูกค้าของผู้ตรวจสอบบัญชีรายอื่นมาก่อนเลย
เมื่อเราพิจารณารับงานแล้วให้เราส่งจดหมายตอบรับงานไปยังบริษัทที่เรารับงาน Engagement Letter (จดหมายตอบรับงาน) ประกอบไปด้วย ลักษณะ ระยะเวลา รวมทั้ง ค่าบริการด้วย ซึ่งแต่ละที่อาจจะไม่เหมือนกัน (ไม่มีรูปแบบที่แน่นอน)

2. รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจที่ตรวจสอบ เพื่อใช้ในการดูความเสี่ยงของบริษัท ในการรวบรวมข้อมูลจะต้องมีการตรวจเยี่ยมสถานประกอบการ (Plant Tour) และในขณะที่เรา ตรวจเยี่ยมสถานประกอบการ สิ่งที่เราควรจะทำ คือ- ต้องมีความสงสัยเยี่ยงผู้ประกอบการ และมีการจดบันทึกข้อมูล- สัมภาษณ์ผู้บริหาร- มีการสอบถาม พูดคุยกับพนักงาน แม่บ้าน รปภ.- ขอดูสมุดบัญชี ข้มูลงบการเงินของบริษัท ซึ่งเราจะนำมาวิเคราะห์แนวโน้มทางการเงินของบริษัท- ดูคลังสินค้า- ควรมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี เพราะถ้าเรามีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีมากเท่าไหร่ เราก็จะได้ข้อมูลของทางบริษัทมาก

3. วิเคราะห์เปรียบเทียบในเบื้องต้น เป็นการวิเคราะห์ยอดความเสี่ยงในบัญชีในเรื่องของ สภาพคล่อง สินค้าคงเหลือ หนี้สิน

4. กำหนดระดับความมีสาระสำคัญ สาระสำคัญ (Materiality)พิจารณาจาก
- ดูขนาดของกิจการ เช่น การเปรียบเทียบระหว่างแม่ค้าขายผักบุ้งกับแมคโคร
- ดุลยพินิจของแต่ละคน

วันเสาร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2552

คาบที่1:สรุปบทเรียน

1. การสอบบัญชี... คือการรวบรวมหลักฐานและการประเมินฐานะทางการเงิน ผลการดำเนินงาน งบกระแสเงินสดว่าถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไปสิ่งที่ผู้บริหารให้การรองรับไว้หรือไม่

2. วัตถุประสงค์ของการสอบบัญชี...เพื่อให้ผู้สอบบัญชีสามารถแสดงความเห็นต่องบการเงินว่า งบการเงินนั้นได้แสดงฐานะการเงิน ผลการดำเนินงาน งบกระแสเงินสด ของกิจการโดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไปหรือไม่

3. ผู้เกี่ยวข้องที่ใช้ระบบบัญชีมี 3 ฝ่าย ดังนี้...
(1) Auditor ผู้ตรวจสอบบัญชี - ต้องให้ความเชื่อมั่น
(2) Management ผู้บริหาร ผู้ทำบัญชี – จัดทำตามมาตรฐานการบัญชีที่รองรับทั่วไปสิ่งที่ผู้บริหารให้การรองรับไว้
1.) เกิดขึ้นจริง / มีอยู่จริง2.) ครบถ้วน3.) สิทธิ / ภาระผูกพัน4.) การตีราคา / การวัดมูลค่า5.) การแสดงรายการ / การเปิดเผยข้อมูล (3) User ผู้ใช้ – จะได้รับรู้ฐานะทางการเงิน ผลการดำเนินงาน งบกระแสเงินสด จากรายงานประจำปีหรือจากงบการเงินที่นำเสนอ


4. หลักการพื้นฐานของการตรวจสอบบัญชี...
(1) จรรยาบรรณหรือมารยาทของผู้สอบบัญชีผู้สอบบัญชีต้องปฏิบัติงานตรวจสอบงบการเงินตามจรรยาบรรณ หรือมารยาทของผู้สอบบัญชี (Code of Ethics for Professional Public Accountants) ที่กำหนดโดยสมาคมผู้ประกอบวิชาชีพ หลักการพื้นฐานของจรรยาบรรณของผู้สอบบัญชีกำหนดโดยสภาวิชาชีพบัญชี
(2) มาตรฐานการสอบบัญชีที่รับรองทั่วไปมาตรฐานการสอบบัญชีที่รับรองทั่วไป (Generally Accepted Auditing Standards : GAAS) หมายถึง แนวทางปฏิบัติงานของผู้สอบบัญชี มาตรฐานการสอบบัญชีใช้เป็นเครื่องวัดคุณภาพผลงานของผู้สอบบัญชี
(3) วิจารณญาณในการสังเกตและสงสัยเยี่ยงผู้ประกอบวิชาชีพผู้สอบบัญชีต้องวางแผนและปฏิบัติงานตรวจสอบงบการเงินโดยใช้วิจารณญาณในการสังเกตและสงสัยเยี่ยงผู้ประกอบวิชาชีพ (Professional Skepticism) ต่อข้อมูลของกิจการ โดยคำนึงถึงสถานการณ์แวดล้อมที่อาจมีอยู่ ซึ่งเป็นเหตุให้ข้อมูลในงบการเงินขัดต่อข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญ


5. ข้อจำกัดของการตรวจสอบบัญชี...
(1) การใช้วิธีการทดสอบรายการในเรื่องของการตรวจสอบไม่สามารถเป็นหลักประกันได้ว่างบการเงินจะต้องมีความถูกต้องสมบูรณ์โดยปราศจากข้อผิดพลาดอย่างสิ้นเชิง เพราะผู้สอบบัญชีทดสอบรายการบัญชีแต่เพียงบางส่วนโดยการเลือกตัวอย่างขึ้นมาตรวจสอบ
(2) การใช้ดุลพินิจอย่างมีเหตุผลในการประเมินความเชื่อถือได้ของหลักฐานการสอบบัญชีหลักฐานการสอบบัญชีที่ได้มาไม่อาจให้ข้อสรุปได้ในตัวเอง แต่ผู้สอบบัญชีจะต้องใช้ดุลยพินิจในการพิจารณาว่าหลักฐานการสอบบัญชีนั้นมีความเหมาะสมเพียงพอ ซึ่งนำไปสู่ข้อสรุปได้หรือไม่ เพียงใด
(3) ข้อจำกัดของระบบบัญชีและระบบการควบคุมภายในระบบบัญชีย่อมมีความบกพร่องเสมอ และระบบการควบคุมภายในของกิจการมีข้อจำกัดสืบเนื่องซึ่งไม่อาจป้องกัน ค้นหา และแก้ไขข้อผิดพลาด หรือรายการทุจริตได้ในทุกกรณี

วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2552

แนะนำสมาชิกกลุ่ม 09




สมาชิกมีดังนี้...

นางสาวกิ่งฟ้า เบาะทอง รหัส 501530 โทร.084-937-5155
นางสาวสุกานดา สุจริต รหัส 501730 โทร.081-132-3352
นางสาวณัฐชนา สายสด รหัส 503067 โทร.089-414-7266
นางสาวสกุลรัตน์ หัตถกิจ รหัส 503226 โทร.081-588-8814
นางสาววนิดา ชื่นสุวรรณ รหัส 503469 โทร.084-125-5110